Power of Love

I am creating new program of Blog by PHP. Then, I head to this site to study and test it. I would like to know what procedure is. If you know about programming and process, Plz recommend me. Really Thank You.

Friday, March 31, 2006

ไม่น่าเลยๆ อย่าได้เข้าไปง่ายๆ เชียวนะ

วันนี้ก็ว่าจะไม่ไป เพราะติดภารกิจลับ
แต่คุณยุ๋ยดันโทรมาตามตัว บอกว่าอาจารย์เรียกพบซะงั้น อืมม...ไปก็ไป
เหอๆ แต่ฝนดันตกก่อน เลยต้องหม่ำๆ แทนความตั้งใจเดิม


ได้ไปคุยก็จริงน้อ แต่ก็แย่งพูดไม่ทันอ่ะ
ไอเดียอาจารย์ดีนะคะ แต่ไอไม่ถนัด เลยบอกว่า Impossible
ขอเปลี่ยนเป็น Worship แทนได้ป่าวคะ 555

ตอนกลางคืนเลยต้องอยู่ แต่ไม่น่าเล้ยยยย
ไม่น่าๆๆ..... เค้าเลยรู้กันหมดเลย ว่าจิตวิญญาณเราเป็นไง

แถมเรายังงงๆ ว่าที่เค้าพูดหมายความว่าไง
ก็พระองค์ไม่เห็นเคยบอกเล้ยยย ว่าพระองค์คิดอย่างนั้นน่ะ

ก็คงสลับสับสน ไม่ค่อยอยากแสวงหาพระเจ้ามากขึ้นละ
เดี๋ยวเราจะซีเรียสเกินไป ... ไม่รู้เมื่อไหร่จะหายอ่ะ เฮ้อ

Tuesday, March 28, 2006

การบำบัดของบาดแผลที่ถูกเก็บซ่อน

หลังจากที่มีคนมาโฆษณารายการ "บำบัดภายใน" หรือ Inner Healing มาทั้งอาทิตย์
หลายคนโดนบำบัดบาดแผลใต้จิตสำนึก ที่ลืมไปแล้ว ให้หายได้
หลายคน วิญญาณผีบรรพบุรุษ วิญญาณที่มาเกาะด้วยความไม่ตั้งใจ ก็ถูกไล่ไปหมดและ
อ่า... ก็ลองดู ไปก็ไป ให้สมกับที่อุตส่าห์มาโฆษณาเราซะ

ปรากฎว่า ไม่เห็นพระองค์บำบัดเราบ้างเลย คนอื่นๆ เห็นภาพอะไรมากมาย
แต่เรากลับนิ่งเฉย ไม่สัมผัสไรเลย ... แต่ก็ดีใจ ที่ได้สามัคคีธรรมกับพี่น้อง
ได้ร้องเพลงนมัสการ ได้อธิษฐานเผื่อกันและกัน
ที่สำคัญ เพลงที่ชอบมั่กๆ เพลงนึง ซึ่งไม่ได้ร้องนานแล้ว ก็กลับเข้ามาในความทรงจำอีก

.....มีความเข้าใจกันในพวกเรา มีความเร้าใจในพระวิญญาณ
มีพระธรรมนองนำ จิตวิญญาณ เมื่อเราได้มาอยู่ร่วมกัน
.....และเรารู้จักกัน เมื่อร่วมกัน แบ่งปันความรักและความเข้าใจ
เราพี่น้องเป็นหนึ่ง ทั้งหญิงชาย ร่วมใจกายแบ่งปันพระพร
.....มีความรักพระคริสต์สถิตนำ มีความหวานชื่นฉ่ำ ในฤทัย
มีความไว้วางใจ ในพระเจ้า เมื่อเราได้มาอยู่ร่วมกัน
.....ขอบคุณ ขอบ-คุณ ขอบ-คุณพระเจ้า
ที่เฝ้ารักห่วงใย ในชีวี นำวิทางดีทุกย่างก้าว เมื่อเราได้มาอยู่ร่วมกัน

ขอบคุณพระเจ้า สำหรับวันดีๆ อีกหนึ่งวัน

Saturday, March 25, 2006

ที่กางเขน ที่กางเขน ข้าแลเห็นความสว่าง...

วันนี้ตาสว่างเรื่องไม้กางเขน
ขอสรุปสูตรโปรแกรมมิ่งเป็นดังนี้


var $cross;
สิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น = สิ่งเลวร้าย + สิ่งดีน่าประทับใจ;


function carry_the_cross () {
$cross = สิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น;
&deny_myself();
&endure($cross);
}

var $result = carry_the_cross(event);

การแบกไม้กางเขนคือ ความอดทนต่อทุกสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีหรือเลวร้ายในชีวิต
เราต้องรับมันให้ได้ด้วยความอดทน เต็มใจ ไม่ปริปากบ่นหรือระบายกับใคร เว้นแต่กับพระเจ้า เพื่อความแข็งแรงฝ่ายวิญญาณ

ขอบคุณพระเจ้า ... ความมรณาของพระองค์บนไม้กางเขน = ชีวิตใหม่ของคนบาปไปสู่ความชอบธรรม

Sunday, March 19, 2006

Happy Happy The Lord's Day

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แฮปปี้มากๆ

แม้ตอนเช้าจะมีบางอย่างคั่งค้างจากวันก่อน ทำให้ร้อนๆ รนๆ ไปบ้าง
แต่นั่นแหละ ตอนบ่ายถึงดึก กลบด้วยความแฮปปี้แบบ Overwhelming ทีเดียว

ตอนบ่ายก็เตรียมตัวออกประกาศกันอย่างพร้อมหน้า (แต่พี่ภูคินดันนัดแฟนไว้ กลับไปซะก่อน)
ไปถึง โอ้โห แดดเปรี้ยงๆ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเรารู้สึกท้อใจแต่ประการใด เพราะมั่นใจว่า วันนี้ความรอดมาถึงที่นั่นแล้ว 555

การมาครั้งนี้ เชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่ใช่วิธีการ ไม่ใช่คำพูด สติปัญญาของมนุษย์
แต่อาศัยฤทธิ์เดชจากพระเจ้า ด้วยพระสัญญาจากพระองค์ อะไรไม่ได้มาจากพระองค์ ช่างมัน

เริ่มจากที่ออกไปเป็นคู่ๆ ไปกะน้องปอเน้อ เป็นพยานเยี่ยมทีเดียว
เริ่มตั้งแต่เอาตัวเอง พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย ยกมาเป็นพยานแทบทุกวง
มีทั้งวงที่ห้อยพระเครื่องเป็นสิบ แล้วพยายามลากศาสนาต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
มีทั้งวงวัยรุ่น วงหนุ่มสาว วงครอบครัว แล้วก็วงที่ขับไล่ 5555 ไม่เห็นรู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ
ครอบครัวนึง มีคุณยายมาด้วย บอกเจ็บขามานานแล้ว เคยเอาตังค์ไปให้พวกโยเร 2 พันด้วย
แต่พระเจ้าเราชื่อ "เยซู" นะยาย อธิบาย + น้องปอเป็นพยานเสร็จ เลยช่วงกันอธิษฐานวางมือให้

ผ่านไปหลายครอบครัว เกือบ 10 กลุ่มได้แล้ว ก็มาเจอกลุ่มพี่สมควร-แชมป์ กะกลุ่มฟัส-เป้ นั่งจับกลุ่มกันกลางสนาม ก็เลยมานั่งร่วมวงด้วย เพื่อซื้อน้ำ ขนมมานั่งสามัคคีธรรมกัน ก็เป็นความสุขอีกแบบนึง ที่ได้ร้องเพลงร่วมกันในบรรยากาศสวนสาธารณะ จากการสัมภาษณ์ทุกคน แฮปปี้กับตรงนั้นมากกก ไม่มีใครคิดอะไรมากเรื่อง ... แต่ฮามากตอนนึง ที่กลุ่มข้างหน้า มีคนหนึ่งเป็นคริสเตียน วัยเดียวกันทั้งกลุ่มด้วย เลยบอกฟัสให้ไปชวนมานั่งร้องเพลงด้วยกัน และเราเห็นคุณยายคนนั้นที่อธิษฐานเผื่อ เดินผ่านมาพอดี เลยลุกวิ่งขึ้นไปจูงและถามอาการ ยายบอกว่าดีขึ้นมากเลย แต่เจ้าฟัสวิ่งมาด้วย นึกว่าให้มาชวนยายคนนี้ไปนั่งร้องเพลง เหอๆ ไม่ใช่จ้ะ ... แต่พอชวนแล้ว กลุ่มนั้นเค้าก็เกรงใจ ไม่กล้ามาร่วมเอนจอย

ตอนเย็นๆ ว่าจะเล่าเรื่องพระเยซูต่อเหมือนเดิม แต่พี่สมควรชวนเดินเล่น คุยกันในกลุ่ม พร้อมกับแจกใบปลิว ก็ดีเหมือนกัน เพราะมันเย็นแล้ว ได้เวลาจะส่งรถ เลยเดินไปคุยเรื่องฝ่ายวิญญาณไป รู้สึกได้รับอะไรมากมาย

แผ่นดินของพระเจ้า เป็นเรื่องของ "ฤทธิ์เดช" ไม่ใช่เรื่องของวิธีการที่ใครจะคิดว่าวิธีไหนดี-ไม่ดี แม้แต่ ศ.บ. ยังไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาตำหนิ ... สาวกอธิษฐานกันเป็นวันๆ เทศนาแค่ 3 นาที คนกลับใจ 3 พัน พวกเราก็ควรเน้นตั้งแต่ฤทธิ์เดชอธิษฐาน ไปจนถึงฤทธิ์เดชการทรงนำของพระวิญญาณ ไม่มีอะไร Correctly เป๊ะๆ ตามแต่ความคิดของคนเดียว เปาโลก็ไม่เคยตำหนิว่ารูปแบบไหนดีหรือแย่ หรือแม้แต่พระเยซูก็ไม่ว่า เชื่อว่าเราทุกคนก็ตั้งใจตามพระคัมภีร์กันระดับนึงแล้ว ... และไม่มีใครรู้จริง ว่าจริงๆ แล้ว เราแต่ละกลุ่ม แต่ละคนใช้วิธีอย่างไร ใครจะไปตัดสินใครว่าตัดสินคนอื่น ก็ไร้สาระ ... ดังนั้นพวกเสียงการกล่าวโทษ ฟ้องร้องต่างๆ ไม่ต้องไปฟังมัน!

และวันนี้ได้ Prophecy ถึง 2 ครั้งทีเดียวเชียวแหละ
เรื่องแรก เป็นสิ่งที่เราต้องการ และคิดเรื่องนี้อยู่แล้วทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องของพระเยซูคริสต์
ส่วนเรื่องหลัง รู้สึกจะไม่ได้คิดเลยนา แต่ก็มีคำเผยมาถึง ก็ดีไปอีกแบบ แม้จะไม่ได้เอามาเป็นเรื่องตลกก็ตาม

ตกเย็น ก็ว่าจะกลับบ้าน แต่ฟัสชวนไปเป็นเพื่อนที่สดุดี เลยได้ไปอธิษฐานต่อ แถมฟังเทศน์ไปหลายกัณฑ์ นมัสการก็ดี เพราะตัวจริง เสียงจริง ซอย 68 มาเองกันหมด จบงาน ก็อธิษฐานเผื่อเก้กันอีกยกใหญ่ กลับถึงบ้านก็ ดึกมากๆ แต่รู้สึกสุดยอดแห่งความสุขจริงๆ ... และทุกๆ คนก็สุขกันหมด


ส่วนอะไรที่มันจำแล้วไม่ดี อย่าไปสนใจ มันไม่ได้มาจากพระเจ้า
หากแต่เป็นการทำงานของมารร้ายอย่างแน่นอน
แต่การอนุญาตของพระองค์ มันก็คือ กางเขนที่เราแบกรับ
ช่างมันๆ ขอไม่เอ่ยถึงในที่นี้ ไม่หลงกลมารร้ายด้วยหรอก

ก็ขอบคุณพระเจ้า สำหรับวันอันน่าจดจำอีกหนึ่งวัน...จดจำแต่สิ่งดีๆ ลงไปๆๆๆๆๆๆๆๆ

Saturday, March 18, 2006

หาดสวย ทรายงาม กะแมงกระพรุนไฟ

หาดสวย ทรายงาม ถึงจะมีแมงกระพรุนไฟเพียบ ก็ไม่เป็นอุปสรรคซักเท่าไหร่ ก็ตั้งแต่โตมา คลุกคลีกะทะเลตลอดชีวิต ทำให้ไม่ค่อยตื่นเต้น ออกไปตากลม(ตากแดด)ทะเล เลยไม่ต้องโดนแมงกระพรุนไฟกะเค้าด้วย

วันแรกเดินทางไปถึง รู้สึกว่าพันธกิจที่ไปนั้น มันลึกมากๆ ขนาดคนไปมาหลายรอบแล้ว ยังจำทางไม่ได้ หลงแล้วหลงอีก พักเหนื่อยกัน แล้วก็นั่งคุยซีเรียสกะพี่จอห์น ในขณะที่ชาวเบอร์มิวด้า ก็เฮฮากะการเต้นระบำเพลงแจ็สกลางสนาม เหอๆ เรากลับต้องวิ่งหลบแดด เพราะมันแรงมากๆๆๆ ถึงมากที่สุด

ตอนบ่ายๆ ก็ออกไปประกาศเรื่องพระเยซู คนละฟากเกาะ แล้วก็ชวนชาวบ้านไปบ้านที่เราอยู่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี กลับไปทำอะไรกันบ้างล่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งคุยๆๆๆ แล้วก็ต้อนรับคนแถบนั้นที่ทยอยมา 555 มีครอบครัวนึง ชอบพูดอิ๊งค์กะซาบรีน่ามาก She ก็เอาภาพทะเลบ้านเค้ามาโชว์ว่าสวยพอกะบ้านเราเหมียนกัลล์ และอีกครอบครัวนึง ก็เพิ่งเจอเรื่องแปลกประหลาดมาสดๆ ร้อนๆ อธิษฐานกะพระเจ้า แล้วอยู่ๆ มีคนยกที่ดินให้ฟรีๆ ก็พระองค์นั่นแหละเนาะ

นมัสการกันแบบสนุกสนาน ทำท่าประกอบ กับการเต้นรำวงของคนแถบนั้น ฟังเทศน์ แล้วก็มีคนรับเชื่อ อืมม...เท่าที่ดู รับเชื่อกันหมดเลยอ่ะ ตกดึก ย่าง B.B.Q. กันต่อ อ้อ...มีตอนนึง ผีเด็กมันแผลงฤทธิ์ เด็ก 2 ขวบ แต่ซนยิ่งกว่าลิง พล่านทั่วสนามเล้ยยย ผลัดกันขับ ผลัดกันจับ จนร้องไห้ แม่ต้องพากลับบ้านไป

วันรุ่งขึ้น ตื่นมา ความรู้สึกนั้นหายไปแล้ว (ตั้งแต่รับพระวิญญาณศุกร์ก่อนหน้านี้ มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นข้างในเป็นเวลาหลายวัน ตลอด 24 ช.ม.) ช่วงสายๆ เหมือนการฟื้นฟูงานหนึ่ง ได้คำเผยชัดๆ เต็มๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต (ก่อนหน้านี้ ได้แบบนิดๆ มาตลอด) ก็สดชื่นกันไปถ้วนหน้า แล้วก็ออกเยี่ยมชาวบ้านแถบนั้น ก็มีคุณยายท่านหนึ่ง จากที่ไม่เคยลุกขึ้นจากเตียงเลย อธิษฐานเผื่อแล้ว แกก็ลุกมาเดินเองได้

กลับมาถึง กทม.ก็เริ่มมืดแล้ว แต่ระหว่างทาง นั่งเมาทส์กะพวกพี่ผู้หญิง สนุกสนาน
พอถึงบ้าน ก็เริ่มง่วงๆๆๆ หลับหน้าคอมฯ ตามเคย ... ขอบคุณพระเจ้า สำหรับพันธกิจมันส์ๆ
คราวหน้า บ้านพี่ไอซ์ ไม่พลาดแน่นอน

Wednesday, March 15, 2006

อำลา ไม่อาลัย

วันนี้ ทำไมมันเหมือนวันก่อนๆ ไม่รู้สึกห่วงหาอาลัยกะที่นี่มากนัก เหมือนที่ทำงานก่อนๆ ที่ผ่านพ้นมา
ยังจำได้ว่า ตอนทำ K-Soft ไม่อยากจะออกเล้ยยย เพราะเพื่อนๆ วัยเดียวกัน งานก็สนุกสนาน เพื่อนญี่ปุ่นก็น่ารัก เพื่อนอังกฤษก็หล่อ เพื่อนอินเดียก็...ตอนนั้นออก เพราะพระเจ้าตอบคำอธิษฐานเรื่องงานอย่างแรง

แต่มา Keen ไม่ยักกะไม่อยากออกแฮะ เพราะเร่งวันเร่งคืนมาหลายเดือนแล้ว กว่าจะได้เป็นไท ต้องอดทนกะอะไรมากมาย จะเสียดายก็แต่ ยังไม่ได้อธิบายเรื่องความรอดให้ใครบางคนที่อยาก เท่านั้นเอง ... แต่ไม่เป็นไร เห็นแววพี่ภูคินแล้ว น่าจะทำงานนี้แทนได้ รวมทั้งพี่แนนก็อยู่ด้วย

เก็บของหมดไปหลายวันแล้ว วันนี้เลยไม่ต้องจัดเก็บอะไรมาก ได้แต่ทำหน้าที่ "ค่ะๆ ติดต่อมาได้" กับ นั่งบอกเหตุผลที่เค้าไม่มีวันเข้าใจ ว่าจะออกไปทำอะไรกิน


ส่วนตอนเย็น ไอ้เราก็นึกว่าวันเกิดใครซักกี่คน ใหญ่โตเสียเหลือเกิน ที่แท้ เค้าดีใจกันมากที่เราทำงานวันสุดท้าย 5555 เลี้ยงฉลองส่งกันซะ งงไปหมดเลย แต่อิฉันกินไม่ได้อ่ะ ไม่อยากบอกด้วยว่าทำไม ไม่ได้รังเกียจ แต่ช่วงนี้กำลังซีเรียสกับบางอย่าง หม่ำไม่ได้เจรงๆ พึมพำกับพระเจ้า แล้วก็เอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงนั้นมาได้ ขอบคุณพระองค์นะ

กลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ว่า ฉันเป็นไทแล้วนะ ฮาเลลูย่า ... ว่าแต่ชีวิตจากนี้ไป จะเป็นไงน้อ
รู้แต่ว่า พระคุณพระเจ้า นั้นแสนชื่นใจ ช่วยได้ คนชั่ว อย่างฉัน


ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งแล้วกัน สำหรับชีวิตใหม่

Monday, March 13, 2006

ความโง่อีกหนึ่งแบบ

ความโง่แรก

คนโง่ย่อมให้ความโกรธของเขาพลุ่งออกมาเต็มที่ แต่ปราชญ์ย่อมยับยั้งโทสะไว้เงียบๆ [สุภาษิต 29:11]

ความโง่หลัง


เขาผู้ปิดบังความเกลียดชังมีริมฝีปากมุสา และเขาผู้ออกปากใส่ร้ายเป็นคนโง่ [สุภาษิต 10:18]


หวังว่าเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากให้เห็นความโง่มากกว่านี้อีกแล้ว